LOGO-TMW-MARKETING-BLACKLOGO-TMW-MARKETING-BLACKLOGO-TMW-MARKETING-BLACKLOGO-TMW-MARKETING-BLACK
  • หน้าแรก
  • Internet Marketing
    • Google Ads
    • SEO ฉบับสมบูรณ์
    • รับทำเว็ปไซต์ WordPress
    • รับทำเว็ปไซต์
  • ธุรกิจ และ การตลาด
  • การเงิน การลงทุน
  • แรงบันดาลใจ และ การพัฒนาตนเอง
  • รีวิว และ Life Style
  • เกี่ยวกับเรา
Ice Bath Wim Hof
Ice Bath ตามวิธีของ Wim Hof
July 28, 2023
หนังสือน่าอ่าน
หนังสื่อน่าอ่าน สำหรับ ธุรกิจ และ การพัฒนาตนเอง
July 29, 2023
Published by admin on July 28, 2023
Categories
  • ธุรกิจ และ การตลาด
Tags
  • ธุรกิจ
  • ไอเดียธุรกิจ
  • ไอเดียธุรกิจใหม่ๆ
ไอเดียธุรกิจ

ไอเดียการหาธุรกิจใหม่ๆ

ไอเดียธุรกิจ

วิธีการหาไอเดีย ในการทำธุรกิจใหม่ๆ

ารหาไอเดียในการทำธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการสำรวจข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขอแนะนำวิธีหาไอเดียธุรกิจดังนี้

  1. สำรวจปัญหา: การหาความต้องการและปัญหาที่มีอยู่ในสังคมสามารถเป็นแหล่งไอเดียที่ดี หากคุณสามารถหาวิธีในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ธุรกิจของคุณก็อาจจะสำเร็จ
  2. สำรวจทรัพยากรท้องถิ่น: มองหาความพิเศษและโอกาสที่ล้ำค่าในทรัพยากรท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัตถุดิบ หรือศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น และนำมาสร้างเป็นธุรกิจ
  3. ใช้เทคโนโลยี: เทคโนโลยีทำให้เราสามารถทำธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบออนไลน์ การขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
  4. เรียนรู้จากการล้มเหลว: การที่เราเคยล้มเหลวแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราจะล้มเหลวตลอดไป ดังนั้นจงหาจุดที่ทำให้เราล้มเหลวแล้วปรับปรุงเป็นการเรียนรู้ในการทำธุรกิจครั้งถัดไป
  5. สำรวจตลาด: ศึกษาและวิเคราะห์ตลาด หาสิ่งที่ผู้คนต้องการ และสิ่งที่ยังไม่มีในตลาด
  6. สร้างเครือข่ายการสื่อสาร: การสร้างเครือข่ายการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกประเทศ จะทำให้คุณได้รับการติดต่อสื่อสารจากทั่วโลก และเปิดโอกาสในการหาไอเดียใหม่ๆ มากมาย
  7. ใช้ตัวคุณเองเป็นแหล่งไอเดีย: คุณเองก็สามารถเป็นแหล่งไอเดียที่ดี เช่น งานอดิเรก ความสนใจ หรือประสบการณ์ที่คุณมี

ทุกครั้งที่คุณมีไอเดีย ควรจดบันทึกลงในสมุดหรือเครื่องมือที่คุณมักใช้ เพราะไอเดียสามารถมาถึงคุณได้ทุกเวลา และอย่าลืมว่า การทดลอง และล้มเหลวก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในการทำธุรกิจ.

เทคนิคการคิดเพื่อให้เกิด ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ

การคิดเพื่อเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณมีเครื่องมือที่ถูกต้องและทัศนคติที่เปิดกว้าง ที่สำคัญคือการเข้าใจว่าความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อมโยงและผสมผสานแนวคิดที่มีอยู่แล้วในทางที่เป็นสร้างสรรค์ โดยนี้เป็นวิธีการคิดเพื่อเกิดความคิดสร้างสรรค์:

  1. หยุดคิดในกรอบที่เดิม: อย่าจำกัดความคิดของคุณด้วยแนวคิดหรือแบบแผนเดิมๆ ขอให้ตัวคุณคิดนอกเหนือจากนั้น สอบถามและทดลองหาคำตอบที่ไม่คาดคิด
  2. ฝึกความคิดอย่างอิสระ: ให้ตัวเองมีเวลาเพื่อคิดและสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบันทึก การวาดภาพ หรือแม้กระทั่งการทำงานฝีมือ โดยไม่ได้มีเป้าหมายหรือแผนการที่ชัดเจน
  3. ทดลองและล้มเหลว: ความคิดสร้างสรรค์บางครั้งต้องการให้คุณล้มเหลวหลายครั้ง และนั่นไม่เป็นปัญหา เพราะทุกครั้งที่คุณล้มเหลวคุณจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  4. ความสงสัยและการถามคำถาม: ความสงสัยและการถามคำถามเป็นส่วนสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น อย่ากลัวหรือลังเลที่จะถามหรือสงสัย แม้แต่คำถามที่ดูเหมือนจะง่ายที่สุด
  5. ทำการสำรวจและเรียนรู้: ศึกษาและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มแหล่งข้อมูลให้กับสมองของคุณ การมีความรู้หลากหลายช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความคิดสร้างสรรค์
  6. วางแผนและตั้งเป้าหมาย: การมีแผนการและเป้าหมายชัดเจนสามารถช่วยเพิ่มความสร้างสรรค์ โดยที่คุณสามารถนำแผนการและเป้าหมายเหล่านั้นมาทำเป็นการทดสอบ และเรียนรู้จากผล
  7. สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์: สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้ เช่น มีพื้นที่ที่อบอุ่น สบายๆ หรือมีสิ่งที่คุณชื่นชอบอยู่รอบตัว

และข้างต้นเป็นเพียงแค่บางวิธีในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญคือ คุณต้องการลงมือทำและทดลองหาวิธีที่ทำให้คุณสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้มากที่สุด.

ไอเดียธุรกิจใหม่ๆ

เครื่องมือที่อาจเป็นประโยชน์

การสร้างธุรกิจใหม่ต้องการเครื่องมือและทฤษฎีที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้คุณสามารถคิดและวางแผนอย่างมีระบบ โดยนี่คือเครื่องมือและทฤษฎีที่เป็นประโยชน์:

เครื่องมือ

  1. Business Model Canvas: เป็นเครื่องมือในการสร้างแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ โดยสรุปแผนธุรกิจให้สั้นลงในแผ่นกระดาษเดียว รวมถึงลูกค้าเป้าหมาย กิจกรรมหลัก และแหล่งรายได้
  2. SWOT Analysis: เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณวิเคราะห์ Strengths, Weaknesses, Opportunities, and Threats ของธุรกิจของคุณ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจปัจจัยที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ
  3. Customer Persona: เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณสร้างภาพของลูกค้าที่คุณต้องการหรือลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้คุณเข้าใจลูกค้าของคุณมากขึ้น
  4. Lean Startup Methodology: วิธีการนี้ช่วยให้คุณสร้างและจัดการธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการใช้วิธีการทดลอง เรียนรู้จากลูกค้า และวนซ้ำได้อย่างรวดเร็ว

ทฤษฎี

  1. Porter’s Five Forces: ทฤษฎีนี้จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ความรุนแรงของการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่คุณต้องการเข้า รวมถึงอำนาจการต่อรองของผู้ซื้อและผู้ขาย ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด
  2. Product/Market Fit: คือการหาความสอดคล้องระหว่างผลิตภัณฑ์ที่คุณสร้างกับตลาดที่คุณเล็ง เมื่อคุณหาเจอ Product/Market Fit แล้ว จะมีแนวทางชัดเจนในการขยายธุรกิจของคุณ
  3. Blue Ocean Strategy: ทฤษฎีนี้จะช่วยให้คุณสร้างความแข่งขันในตลาดที่ยังไม่มีคู่แข่ง (blue ocean) แทนที่จะแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข่งมาก (red ocean)

และด้วยการใช้เครื่องมือและทฤษฎีเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างมีระบบและมีโอกาสสำเร็จมากยิ่งขึ้น.

Model ธุรกิจที่อาจเป็นประโยชน์

ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี และ การสื่อสาร โมเดลในการทำธุรกิจปัจจุบัน มีความหลากหลาย มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเหล่านี้อาจช่วยในกระบวนการสรรหา ธุรกิจใหม่ๆของคุณได้

  1. Subscription Model: ในโมเดลนี้ ลูกค้าจะสมัครบริการเพื่อใช้สิทธิในระยะเวลาที่ระบุ ตัวอย่างเช่น Netflix, Spotify และ Adobe ที่มีระบบการชำระเงินแบบรายเดือนหรือรายปีเพื่อใช้บริการ
  2. Freemium Model: ในโมเดลนี้ บริษัทจะให้บริการฟรีพื้นฐานแต่มีเสน่ห์ให้ลูกค้าอัพเกรดเพื่อใช้งานฟีเจอร์พิเศษ ตัวอย่างเช่น LinkedIn, Dropbox และ Slack
  3. Sharing Economy Model: ธุรกิจที่ให้บริการการแบ่งปันทรัพยากร เช่น Airbnb ที่ให้บริการในการแบ่งปันที่พัก หรือ Uber และ Grab ที่ให้บริการแบ่งปันการเดินทาง
  4. E-commerce Model: การขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ ทั้งหมดนี้เป็นต้นแบบของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น Amazon, Alibaba หรือ Lazada
  5. Direct-to-Consumer Model (D2C): นี่คือโมเดลธุรกิจที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการจะถูกขายโดยตรงจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค โดยไม่ต้องผ่านผู้ค้าปลีกหรือตัวแทนจำหน่าย ตัวอย่างเช่น Warby Parker (แว่นตา), Casper (ที่นอน)
  6. Marketplace Model: โมเดลธุรกิจนี้มักจะเป็นแพลตฟอร์มที่รวมผู้ขายและผู้ซื้อเข้าด้วยกัน ทั้งนี้จะสร้างประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ตัวอย่างเช่น eBay, Etsy, และ Taobao
  7. On-Demand Model: ธุรกิจแบบนี้จะเน้นการให้บริการทันท่วงทีตามที่ลูกค้าต้องการ ตัวอย่างเช่น UberEats, DoorDash, หรือ Instacart
  8. Advertising Model: บางธุรกิจจะใช้การโฆษณาเป็นแหล่งรายได้หลัก โดยมีตัวอย่างเช่น Google และ Facebook ที่ให้บริการฟรีแต่สร้างรายได้จากการโฆษณา
  9. Data Selling Model: บางธุรกิจจะทำรายได้โดยการขายข้อมูลหรือวิเคราะห์ข้อมูลที่พวกเขาเก็บรวบรวม ตัวอย่างอาจจะเป็นบริษัทที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อขายให้กับบริษัทอื่น ๆ
  10. Affiliate Model: ในแบบนี้ธุรกิจจะรับค่าคอมมิชชั่นจากการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการของบุคคลหรือบริษัทอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น บล็อกเกอร์ที่มีลิงค์การสั่งซื้อผ่านลิงค์ของตนเอง
Share
0

Related posts

escrow
August 24, 2023

ทำความรู้จักกับ ระบบ Escrow


Read more
knowledge base
August 14, 2023

Knowledge Base: รากฐานของการเข้าถึงข้อมูล


Read more
August 1, 2023

Google Lighthouse: เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนา – วิธีใช้งานและประโยชน์


Read more

Categories

  • การเงิน การลงทุน
  • ธุรกิจ และ การตลาด
  • รีวิว และ Life Style
  • อื่นๆ
  • แรงบันดาลใจ และ การพัฒนาตนเอง
© TMW Marketing Team. All Rights Reserved.